29 กันยายน 2557

29 กันยายน 1984 - Bananarama

เพลงเกี่ยวกับ Summer ในดวงใจของหลายๆ คน Cruel Summer ของ Bananarama ขึ้นสูงสุดอันดับ 9 ในอเมริกาวันนี้ เมื่อ 30 ปีที่แล้ว

แม้วงจะประสบความสำเร็จในอังกฤษช่วงปี 1982-83 แต่ไม่เปรี้ยงในอเมริกา รวมถึงเพลงนี้ที่ออกมาตั้งแต่ปี 1983 แต่ไม่ได้รับความสนใจ ต้องขอบคุณภาพยนตร์เรื่อง The Karate Kid ในปี 1984 ที่ฮิตแบบม้ามืดถล่มทลาย ซึ่งในหนังมีเพลง Cruel Summer ของพวกเธออยู่ด้วย กลายเป็นเพลงฮิตที่สุดของหนังแต่ไม่ได้บรรจุอยู่ในอัลบั้มซาวด์แทร็ค และเป็นเพลงแรกของพวกเธอที่เข้า Top 10 ในอเมริกา ก่อนจะมีเพลงอันดับ 1 - Venus ในปี 1986

หลายคนชอบเพลงนี้เพราะเนื้อหาที่แหวกแนวต่างกับเพลงเกี่ยวกับซัมเมอร์อื่นๆ ที่มักจะพูดถึงแสงแดด สายลม ทะเล ปาร์ตี้สนุกสนาน แต่กลับเป็นเพลงอกหัก และความร้อนก็ทำให้มันยิ่งเซ็ง ฉะนั้นจงลุกขึ้นแล้วออกไปสนุกกัน

Cruel Summer ถูกนำมาใช้ในหนัง และทำใหม่หลายครั้ง เวอร์ชั่นที่ดังที่สุดคือ Ace Of Base ในปี 1998 ขึ้นถึงอันดับ 10 ในอเมริกา

ฟังเพลง : https://www.youtube.com/watch?v=9ePIZugahFc


27 กันยายน 2557

27 กันยายน 1994 - Brandy

ครบรอบ 20 ปี หนึ่งในอัลบั้ม R&B ที่ประสบความสำเร็จ เป็นต้นแบบ และสร้างอิทธิพลแห่งยุค 90's อัลบั้มแรกของนักร้องสาวเสียงเอกลักษณ์ ในชื่อชุดเดี่ยวกับชื่อเธอ Brandy

เสียงของ Brandy Norwood ถูกนำเสนอแก่ผู้บริการค่ายเพลง Atlantic ตั้งแต่อายุ 11 ขวบ เขาบอกให้เธอกลับมาใหม่เมื่ออายุ 14 ปี แล้วเธอก็ได้ทำเพลงชุดนี้จริงๆ โดยส่วนใหญ่ร่วมกับโปรดิวเซอร์ Keith Crouch ซึ่งมีอายุเพียง 20 กว่าเท่านั้น แบรนดี้เล่าถึงความรู้สึกในตอนนั้นว่า "Keith ไม่พยายามจะทำเพลงตามแนวที่เปิดกันเกลื่อนบนวิทยุ เขามีซาวด์เฉพาะตัว สิ่งที่ฉันรักคือเขามอบเพลงที่เป็นเพลงจริงๆ ไม่ใช่ดนตรีติดหูวัยรุ่นที่จะผ่านมาแล้วผ่านไป ทีมงานเรามีความสด มีพลังของวัยรุ่นที่จะสร้างสรรค์เพลงจริงๆ" หนึ่งในทีมที่แต่งเพลงอัลบั้มนี้ คือ Robin Thicke ในอายุ 16 ปี ร่วมแต่งเพลง Love Is On My Side ด้วย (เพลงโปรด admin)

เพลงที่แต่งและโปรดิวซ์โดย Keith ถูกตัดเป็นซิงเกิ้ล และประสบความเร็จอย่างสูง I Wanna Be Down, Baby และ Brokenhearted ล้วนเข้า Top 10 ในอเมริกา Baby ยังได้เข้าชิงรางวัล Grammy สาขาเพลง R&B จากนักร้องหญิง รวมถึงตัว Brandy เองก็ได้เข้าชิงศิลปินหน้าใหม่ ในปีที่มีคู่แข่งอย่าง Alanis Morissette, Shania Twain ซึ่งทั้งหมดพ่ายให้กับวง Hootie & The Blowfish

นักวิจารณ์เปรียบเทียบอัลบั้มนี้กับ Aaliyah ซึ่งออกมาก่อนหน้าเพียง 4 เดือน (ทั้งคู่อายุ 15 ปีเท่ากัน) ว่า " Aaliyah ชัดเจน ตรงไปตรงมา และมีพลัง ส่วน Brandy นุ่มนวล ค่อยเป็นค่อยไป และคลาสสิก" อัลบั้มเพลงเนิ่บๆ ของแบรนดี้ค่อยๆ ได้รับความนิยมเหมือนตัวเพลง แม้สัปดาห์แรกจะเข้าชาร์ตที่อันดับ 94 และไต่ไปสูงสุดที่อันดับ 20 แต่อัลบั้มนี้ติดชาร์ตนานข้ามปี 89 สัปดาห์ และขายได้มากกว่า 6 ล้านชุดทั่วโลก

Erikah Badu ยกย่องว่า อัลบั้มแรกของ Brandy เป็นแรงบันดาลใจให้เธอสร้างสรรค์อัลบั้มรางวัลแกรมมี่ Baduizm ซึ่งสร้างชื่อให้เธอเป็นแถวหน้าของนักร้องแนว Neo-Soul 

ใครมีอัลบั้มชุดนี้บ้าง และชอบเพลงไหนกันบ้าง เล่าให้ฟังบ้างนะ

ฟังเพลง I Wanna Be Down  http://www.youtube.com/watch?v=PzpLkcfBe-A






23 กันยายน 2557

23 กันยายน 1989 - Cher

23 กันยายน 1989

เพลง If I Could Turn Back Time ของ Cher ขึ้นถึงอันดับ 3 ในอเมริกา เป็นเพลงที่ประสบความสำเร็จที่สุดของเธอในยุค 80's

แต่งโดยนักแต่งเพลงชื่อดัง Diane Warren ซึ่งกำลังประสบความสำเร็จกับแนวเพลงป็อป-ร็อค อย่าง Nothing's Gonna Stop Us Now (Starship), Look Away (Chicago) อันดับ 1 ทั้งคู่ นักวิจารณ์บอกว่าเพลงนี้ของ Cher มีส่วนคล้ายเพลงดังเหล่านั้นไม่น้อย 

มิวสิควิดีโอถ่ายทำบนเรือรบ US Navy พร้อมกับเหล่าทหารเรือ ซึ่ง Cher ใส่ชุดว่ายน้ำแหวกอกลงไปจนถึงใต้สะดือ และปิดบังส่วนอื่นด้วยตาข่ายบางๆ ซึ่งทำให้เกิดการแบน mv เพลงนี้ทางโทรทัศน์หลายช่อง รวมถึง MTV ที่ให้ฉายหลังสามทุ่ม ส่วนทางกองทับเรือไม่อนุญาตให้มีการถ่ายทำมิวสิควิดีโอใดๆ บนเรือรบอีกต่อไปนับจากนั้น

ปี 2000 ซิตคอมชื่อดัง Will & Grace แจ็ค (ตัวละครเกย์ที่คลั่งไคล้ Cher) พบกับ Cher ตัวจริงแต่คิดว่าเธอเป็น Drag Queen แต่งเลียนแบบ Cher จึงร้องเพลงนี้เพื่อยืนยันว่าเธอคือตัวจริง




20 กันยายน 2557

20 กันยายน 1986 - Miami Sound Machine

20 กันยายน 1986

เพลง Words Get In The Way ของ Miami Sound Machine ที่มีนักร้องนำคือ Gloria Estefan เข้าสู่ Top 5 อันดับ 5 ซึ่งเป็นเพลงแรกของวงดนตรีป็อป-ละตินที่โด่งดังที่สุดวงหนึ่งในประวัติศาสตร์

แม้จะแจ้งเกิดจากเพลงจังหวะสนุกๆ อย่าง Conga, Dr. Beat หรือ Bad Boy แต่เพลงที่สามารถเข้าสู่ท็อป 5 ได้เป็นเพลงแรกกลับเป็นเพลงช้าๆ หวานซึ้ง จากอัลบั้มภาษาอังกฤษชุดที่ 2 Primitive Love และยังขึ้นอันดับ 1  ในชาร์ตเพลงผู้ใหญ่ Hot Adult Contemporary อีกด้วย

เพลงช้าของ Gloria Estefan และ Miami Sound Machine มีเส่นห์พิเศษที่กลายเป็นอีกจุดขายหนึ่งของวง หลังจาก Words Get In The Way ยังมีเพลงช้าประสบความสำเร็จตามมามากมาย ทั้ง Anything For You, Don't Wanna Lose You และ Coming Out Of The Dark ล้วนประสบความสำเร็จขึ้นถึงอันดับ 1 ในอเมริกา

ฟังเพลง : http://www.youtube.com/watch?v=6h1seml_0U8








19 กันยายน 2557

19 กันยายน 1990 - Kylie Minogue

19 กันยายน 1990

เพลง Better The Devil You Know ของ Kylie Minogue เข้าอันดับ UK Chart เป็นเพลงที่ทำให้ทีมโปรดิวเซอร์ชื่อดัง Stock Aitken Waterman มีเพลงเข้าชาร์ตครบ 100 เพลง

Stock Aitken Waterman เป็นทีมผู้ผลักดัน Kylie ในวงการเพลงมาตั้งแต่เพลงเปิดตัว คือ I Should Be So Lucky และทำเพลงฮิตมากมายให้ศิลปินต่างๆ อาทิเพลงอันดับ 1 You Spin Me Round Like A Record(Dead Or Alive), Never Gonna Give You Up(Rick Asley)  จนมาถึงเพลงที่ 100 คือเพลงนี้ ซึ่งแต่งในช่วงที่ Kylie ยุติความสัมพันธ์กับ Jason Donovan ผู้ร่วมแสดงในละครน้ำเน่า Neighbours และเริ่มคบหากับ Michael Hutchence นักร้องนำวง Inxs (เรื่องน้ำเน่าพอๆกับละครตรงที่ Jason เป็นคนพาเธอไปดูคอนเสิร์ต Inxs และทั้งคู่จึงได้พบกัน) 

Waterman หนึ่งในทีมโปรดิวเซอร์ที่สนิทกับ Kylie ได้คอมเมนต์ความสัมพันธ์ครั้งใหม่ของเธอซึ่งเป็นที่มาของเพลงนี้ว่า "คบกับปีศาจที่คุณรู้จักดี เสี่ยงน้อยกว่า หากกลัวว่าสุดท้ายชีวิตรักจะต้องทนทุกข์" (เปรียบเปรยสำนวน better the devil you know)

Better The Devil You Know ขึ้นไปสูงสุดที่อันดับ 2 และเป็นหนึ่งในเพลงที่แฟนๆ และนักวิจารณ์ปลาบปลื้มมากที่สุดของเธอ




18 กันยายน 2557

18 กันยายน 1993 - Tag Team

18 กันยายน 1993

ทุกๆสิ้นปี นิตยสาร Billboard จะจัดอันดับ Year-End Chart หรือเพลงที่ดังที่สุดแห่งปีในอเมริกา ซึ่งในปี 1993 คงหนีไม่พ้นเพลงที่ทุกคนรู้จักดี คือ I Will Always Love You ของ Whitney Houston แต่ถ้าบอกว่าเพลงอันดับ 2 คือเพลงชื่อ Whoomp! (There It Is) ของวง Tag Team อาจมีคนแอบงงเล็กน้อย 

Whoomp! ขึ้นไปสูงสุดได้ที่อันดับ 2 (ในวันนี้) ติดเพลง Dreamlover ของ Mariah Carey แต่สามารถอยู่ในชาร์ตได้นานถึง 45 สัปดาห์ ทำยอดขายได้สูงถึง 4 ล้านชุด (เป็นรองเพียง I Will AlWays Love You) ด้วยท่อนฮุคเร้าใจเหมาะกับการใช้เชียร์กีฬา จึงถูกนำไปใช้ในอีเวนท์กีฬาต่างๆ รวมถึงถูกนำมาทำใหม่หลายครั้งทั้งประกอบหนัง Addams Family Values, Donald Duck's Party ของดิสนีย์ หรือเพลงฉลองแชมป์ NBA Championship

Whoomp! ติดอันดับ 97 ของ  VH1's 100 Greatest One-Hit Wonders อีกด้วย

ฟังเพลง http://www.youtube.com/watch?v=Z-FPimCmbX8




13 กันยายน 2557

13 กันยายน 1997 - Backstreet Boys

เพลง Quit Playing Games (With My Heart) จาก Backstreet Boys ขึ้นไปสูงสุดที่อันดับ 2 ในอเมริกา ไม่สามารถถึง 1 ได้เพราะติดเพลง Mo Money Mo Problems ของ The Notorious B.I.G. และ Honey จาก Mariah Carey

หลังจากวงประสบความสำเร็จในอังกฤษ ผู้บริหารค่าย Jive เลือก You Want It (To Be Good Girl) เป็นเพลงเปิดตัวในอเมริกา แต่ถูกวงคัดค้าน จึงตัดสินใจเลือกเพลงนี้แทน โดยมี Anywhere for You กับ All I Have to Give เป็นตัวเลือกเช่นกัน ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกเพราะเพลงนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง มียอดขายมากกว่า 2 ล้ายชุดในอเมริกา

เวอร์ชั่นที่โด่งดังในอเมริกา เป็นการบันทึกเสียงใหม่ในเดือนกันยายน ปี 1996 โดยโปรดิวเซอร์ Max Martin เลือกให้ Nick Carter ร้องโซโล่ในช่วงที่ 2 ของเพลง รวมถึงทำมิวสิควิดีโอใหม่ ซึ่งมีฉากเปียกฝน จนกลายเป็นกระแส mv ถอดเสื้อเปียกฝนสำหรับวงบอยแบนด์ทั่วโลกในยุคนั้น


2 กันยายน 2557

2 กันยายน 1995 : Michael Jackson

19 ปีที่แล้ว Michael Jackson พาเพลง You Are Not Alone ขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกา เป็น Hot Shot Debut ที่ขึ้นสู่อันดับท็อปชาร์ตได้เลยทันทีตั้งแต่สัปดาห์แรก เป็นเพลงแรกในรอบ 37 ปีของชาร์ต Billboard 

เพลงอันดับ 1 เพลงที่ 13 ของไมเคิล (และเป็นเพลงสุดท้าย) แต่งโดยนักร้อง-นักแต่งเพลงชื่อดัง R.Kelly จากอัลบั้มรวมฮิต HIStory ซึ่งการขึ้นอันดับ 1 ตั้งแต่เปิดตัวเป็นการทำลายสถิติตัวเองที่เพิ่งทำไปจากเพลง Scream ที่ร้องกับน้องสาว Janet และเข้าอันดับสัปดาห์แรกที่อันดับ 5

MV เพลงนี้ ไมเคิลได้แสดงร่วมกับภรรยาในขณะนั้น คือ Lisa Marie Presley ลูกสาวของ Elvis Presley อีกด้วย