29 พฤศจิกายน 2557

29 พฤศจิกายน 1997 - Hanson

เพลง I Will Come To You ของ 3 หนุ่ม Hanson เข้าอันดับสัปดาห์แรกที่ 15 ก่อนจะขึ้นไปสูงสุดอันดับ 9 

เพลงช้าซิงเกิ้ลที่ 3 ของ Hanson เจ้าของเพลงฮิตม้ามืด MMMBop เป็นเพลงช้าติดหูเรียบง่าย แต่มีความน่าสนใจตรงที่ เป็นเพลงที่มีคนแต่งเดียวกันกับเพลงอมตะอย่าง Somewhere Out There, You've Lost That Lovin' Feelin', Sometime When We Touch, Just Once เป็นต้น

ผลงานแต่งเพลงของคู่หู Barry Mann กับ Cynthia Weil ร่วมกับพี่น้อง Hanson ซึ่งตอนที่ทั้งคู่แต่เพลง I Will Come To You ให้กับเด็กน้อยทั้ง 3 นั้นมีอายุ 56 - 57 ปีแล้ว พิสูจน์ให้เห็นว่าคุณลุงคุณป้าก็แต่งเพลงโดนใจวัยรุ่นได้เหมือนกัน



27 พฤศจิกายน 2557

27 พฤศจิกายน 1982 - Laura Branigan

วันนี้ย้อนกลับไปไกลหน่อย เพลง Gloria ของ Laura Branigan ขึ้นอันดับ 2 ในอเมริกา แม้จะไปไม่ถึง 1 แต่นี่คือเพลงจากศิลปินหญิงที่ดังที่สุดของต้นยุค 80's

Gloria เป็นการนำเพลงเก่าภาษาอิตาลีในปี 1979 มาทำใหม่ ในจังหวะดิสโก้ นับตั้งแต่มีการจัดอันดับเพลงเกิดขึ้นในอเมริกา Gloria คือเพลงของศิลปินหญิงที่ติดชาร์ตนานที่สุดถึง 36 สัปดาห์ ทำลายสถิติเดิม 31 สัปดาห์ของเพลง Tammy จาก Debbie Raynold ในปี 1957 และยังสามารถทำยอดขายได้มากกว่า 2 ล้าน ก็อปปี้

ในช่วงเดียวกันนั้น เพลงเชียร์ลีดเดอร์ Micky ของ Toni Basil ก็โด่งดังเช่นกันโดยเฉือนเพลง Gloria ขึ้นอันดับ 1 โดย 2 เพลงนี้มีความเกี่ยวโยงกันคือ มีคนแต่งเพลง, โปรดิวเซอร์ และนักดนตรี คนเดียวกันอยู่ด้วย 



25 พฤศจิกายน 2557

25 พฤศจิกายน 1995 - Whitney Houston

เพลง Exhale (Shoop Shoop) ของ Whitney Houston ขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกาตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เข้าชาร์ต เป็นเพลงที่ 3 ในประวัติศาสตร์ ต่อจากเพลง You Are Not Alone ของ Micheal Jackson และ Fantasy ของ Mariah Carey

เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Waiting To Exhale ผลงานการแสดงเรื่องที่ 2 ต่อจาก The Bodyguard ของวิทนี่ ซึ่งมี Babyface มาทำเพลงประกอบให้ ในตอนแรกวิทนี่ปฏิเสธที่จะร้องเพลงในอัลบั้มเพราะต้องการจะทุ่มเทให้กับภาคการแสดง จนวันหนึ่งเธอได้ยิน Babyface เล่นเพลงบรรเลงหนึ่ง เธอชอบ และทักว่าเพลงนี้ยังไม่สมบูรณ์เพราะขาดเสียงร้อง ซึ่งเบบี้เฟซเห็นด้วย เขาฮัมท่อน Shoop Shoop ทุกคนชอบ และเกิดเป็นเพลงฮิตในเวลาต่อมา

Exhale ขึ้นอันดับหนึ่งในอเมริกาเพียงสัปดาห์เดียว และเป็นอันดับหนึ่งเพลงสุดท้ายในชีวิตของวิทนี่  และสร้างสถิติติดอยู่อันดับ 2 นานที่สุดคือ 11 สัปดาห์ เข้าชิงรางวัลแกรมมี่ 4 สาขา และได้รางวัลเพลง R&B ยอดเยี่ยม



24 พฤศจิกายน 2557

24 พฤศจิกายน 2007 - Colbie Caillat

"เพลงนี้...ไม่ได้แต่งเพื่อใครเป็นพิเศษ ฉันเขียนขึ้นจากความรู้สึกเวลาคุณปิ๊งใครสักคน และเขาทำให้คุณรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อโบยบินอยู่ในท้อง" Colbie Caillat พูดถึงที่มาของเพลง Bubbly เพลงฮิตที่สุดชองเธอที่ขายได้มากกว่า 1 ล้านชุด เพลงเปิดตัวที่ทำให้ทั้งโลกรู้จักชื่อของเธอ Bubbly ขึ้นถึงอันดับ 5 ในอเมริกา วันนี้ เมื่อ 7 ปีที่แล้ว






23 พฤศจิกายน 2557

23 พฤศจิกายน 1996 - Madonna

เพลง You Must Love Me ของ Madonna จากภาพยนตร์เรื่อง Evita ขึ้นอันดับสูงสุดที่ 18 ในอเมริกา

Evita ละครเพลงอัตตชีวประวัติของ Eva Peron สตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศอาร์เจนติน่าในช่วงปี 1946-1952 ออกแสดงครั้งแรกในปี 1978 มีบทเพลงประพันธ์โดย Andrew Lloyd Webber เนื้อเพลงโดย Tim Rice และ ถูกนำกลับมาทำใหม่เป็นเวอร์ชั่นภาพยนตร์ในปี 1996 นำแสดงโดย Madonna 
Andrew และ Tim ไม่ได้แต่งเพลงใหม่ร่วมกันมาเป็นเวลาถึง 11 ปี ได้กลับมาร่วมกันแต่งเพลง You Must Love Me ให้กับ Evita เวอร์ชั่นภาพยนตร์ ขับร้องโดยมาดอนน่า เนื้อหาสื่อความหมาย 2 นัยยะ หนึ่งคือร้องเพื่อ Juan Peron สามีประธานาธิบดี ที่เธอเพิ่งตระหนักว่าเขารักเธอจริงๆ ไม่ใช่แค่ใช้เธอเพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมือง และนัยยะที่ 2 คือร้องให้แก่ประชาชนที่ในหนังมี Che Guevara เป็นตัวแทน

นิตยสาร Billboard ยกย่องว่า You Must Love Me เป็นเพลงที่แสดงให้เห็นว่ามาดอนน่า "ร้องเพลงได้" และทำได้ดี เพลงนี้ยังได้รางวัลเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากทั้งเวที Oscar และลูกโลกทองคำ





19 พฤศจิกายน 2557

19 พฤศจิกายน 1994 - Boyz ll Men

เพลง On Bended Knee ของวงอาร์แอนด์บี Boyz ll Men เข้าอันดับสัปดาห์แรกที่อันดับ 14 ก่อนจะขึ้นสู่อันดับ 1 ใน 2 สัปดาห์ต่อมา โดยเขี่ยเพลงของตัวเอง I'll Make Love To You ตกจากอันดับ 1

ครั้งสุดท้ายที่เกิดเหตุการณ์ศิลปินสามารถพาเพลงขึ้นอันดับ 1 แทนที่เพลงของตัวเองได้ คือเมื่อปี 1964 โดย The Beatles นำเพลง I Want to Hold Your HandShe Loves You และ Can't Buy Me Love ขึ้นอันดับ 1 ซ้อนกันถึง 3 ครั้ง รวมติดอันดับ 1 ยาวนาน 14 สัปดาห์

ฟังเพลง : http://www.youtube.com/watch?v=jSUSFow70no



18 พฤศจิกายน 2557

18 พฤศจิกายน 2000 - Destiny's Child

เพลง Independent Women Part 1 จาก Destiny's Child ขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกานาน 11 สัปดาห์

เป็นซิงเกิ้ลแรกที่ Michelle Williams หนึ่งในสมาชิกวงรุ่นปัจจุบันได้เข้ามาร่วมร้อง ประกอบภาพยนตร์ Chalie's Angel ซึ่งประสบความสำเร็จใน Box Office และเป็นส่วนสำคัญให้เพลงดังถล่มทลาย กลายเป็นเพลงที่ได้รับการบันทึกสถิติ Guinness Book of World Records ว่าเป็นเพลงจากศิลปินกลุ่มหญิงที่ติดอันดับ 1 ยาวนานที่สุด และเป็นเพลงแรกของพวกเธอที่สามารถขึ้นอันดับ 1 ในประเทศอังกฤษ อีกเพลงคือ Survivor

เพลงนี้ได้เข้าชิงรางวัล Grammy สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่พ่ายให้กับเพลง When She Loved Me จากเรื่อง Toy Story 2



14 พฤศจิกายน 2557

14 พฤศจิกายน 1998 - Lauryn Hill

14 พฤศจิกายน 1998

เพลง Doo Wop (That Thing) ของ Lauryn Hill ขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกาตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เข้าชาร์ต เป็นเพลงที่ 10 ในประวัติศาสตร์

Hill เป็นหนึ่งในสมาชิกวงแร็ป The Fugees เพลงนี้เป็นซิงเกิ้ลแรกของเธอในฐานะศิลปินเดี่ยว ทำหน้าที่ทั้งร้อง-แร็ป-แต่งเพลง และโปรดิวซ์เองคนเดียว ก่อนหน้านี้เธอมีเพลงของตัวเองที่ไม่ได้เป็นซิงเกิ้ลมาแล้วคือ The Sweetest Thing และ Can't Take My Eyes Off You

Doo Wop (That Thing) มีเนื้อหาวิพากษ์การใช้ชีวิตแบบวัตถุนิยมของคนอเมริกัน ทั้งผู้หญิงที่เน้นเสริมเติมแต่งจนลืมตัวตนที่สวยงาม หรือผู้ชายที่ชอบเล่นรถ มองหารองเท้าเท่ๆ จนไม่ใส่ใจคนรัก

นอกจากจะขึ้นอันดับ 1 นาน 2 สัปดาห์แล้ว ยังได้รางวัล Grammy คือ เพลง R&B ยอดเยี่ยม และเพลง R&B จากศิลปินหญิงยอดเยี่ยม และเป็นส่วนสำคัญให้เธอคว้ารางวัลแกรมมี่ถึง 5 รางวัล มากที่สุดในปี 1999 รวมทั้งอัลบั้มยอดเยี่ยม The Miseducation of Lauryn Hill และศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม

ฟังเพลง http://www.youtube.com/watch?v=T6QKqFPRZSA


11 พฤศจิกายน 2557

11 พฤศจิกายน 1989 - Lisa Stansfield

เพลง All Around The World ของนักร้องสาวเสียงโซลจากแมนเชสเตอร์ Lisa Stansfield ขึ้นอันดับ 1 ในอังกฤษ ก่อนจะข้ามไปดังถึงในอเมริกาปีต่อมา

ว่ากันว่า หากโลกนี้ไม่มี Mariah Carey ชื่อของ Lisa Stansfield คงเป็นที่จดจำมากกว่านี้ สาวเสียงดีและสวยสุดๆ ทั้ง 2 แจ้งเกิดในเวลาไล่เลี่ยกัน ในปี 1990 ทั้ง Lisa และ Mariah ต่างประสบความสำเร็จบนชาร์ตและเวทีรางวัล เพลง All Around The World ของลิซ่า ขึ้นไปถึงอันดับ 3 ในอเมริกา และอันดับ 1 บนชาร์ต R&B (ทั้งที่เธอเป็นคนผิวขาว) ขายได้มากกว่า 1 ล้านชุด และติด Top 5 ทั่วยุโรป

เธอยังคว้ารางวัลนักร้องหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจากเวที Billboard Music Awards ที่วัดกันที่ยอดขายรวมทั้งปี ขณะที่เวที Grammy Awads ชื่อของ Lisa และ Mariah ถูกเสนอเข้าชิงรางวัลศิลปินหน้าใหม่ทั้งคู่ และรางวัลตกเป็นของมารายห์ในที่สุด 

ปี 1991 อัลบั้มชุดที่ 2 ของเธอ Real Love ไม่ประสบความสำเร็จเท่าอัลบั้มชุดแรก ปี 1997 ท่อนในเพลงนี้ถูกนำไปร้องในเพลง Been Around The World ของ Puff Daddy ขึ้นถึงอันดับ 2 ในอเมริกา








10 พฤศจิกายน 2557

10 พฤศจิกายน 1990 - Mariah Carey

เพลง Love Takes Time ของ Mariah Carey ขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกา เป็นซิงเกิ้ลที่ 2 ของเธอถัดจาก Vision of Love

มารายห์และ Ben Margulies แต่งเพลงนี้ ในขณะที่อัลบั้มแรกของเธอเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยทำเดโมร้องกับเปียโนตัวเดียว และเปิดให้ผู้บริหารฟังบนเครื่องบินระหว่างทัวร์โปรโมทอัลบั้ม ซึ่งทั้งหมดตัดสินใจใช้เพลงนี้เป็นซิงเกิ้ลต่อจากความสำเร็จของ Vision Of Love โดยส่งให้ Walter Afanasieff โปรดิวซ์เพิ่มเข้าไปในอัลบั้มอย่างเร่งด่วน จึงใช้เวลาในการผลิตเพลงนี้ทุกกระบวนการทั้งสิ้นเพียง 3 วัน เป็นเพลงแรกในการทำงานของ Walter ที่รับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์หลักจัดแจงเองเกือบทั้งหมด ซึ่งเขากลายเป็นโปรดิวเซอร์คู่บุญของมารายห์ในเวลาต่อมา

เมื่ออัลบั้มชุดแรกของเธอออกขาย ซีดีและคาสเซ็ตที่ออกดั้งเดิมนั้น ไม่มีชื่อเพลงนี้พิมพ์อยู่บนปกอัลบั้มเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากกระบวนการที่รีบเร่งจนไม่อาจแก้ไขทัน Ben Margulies ให้สัมภาษณ์ว่า "ถึงเพลงนี้จะไม่มีชื่ออยู่บนปก แต่มันมีพลังมากพอที่จะหยุดการผลิตเทปและซีดีอัลบั้มเพื่อบรรจุมันเข้าไป แม้จะต้องโละก็อปปี้เก่าๆ ที่ผลิตไปแล้วทิ้ง" 



9 พฤศจิกายน 2557

9 พฤศจิกายน 2003 - Robbie Williams

เพลงช้าเพราะๆ Sexed Up ของ Robbie Williams เข้าชาร์ตในอังกฤษอันดับที่ 10 เป็นเพลงท็อป 10  เพลงที่ 19 จากทั้งหมด 30 เพลง

เดิมทีเพลงนี้แต่งให้กับ Natalie Imbruglia เจ้าของเพลง Torn แต่ถูกปฏิเสธ ร็อบบี้จึงนำมาร้องและบรรจุอยู่ในซิงเกิ้ล No Regrets จากอัลบั้ม I've Been Expecting You ปี 1998 ผ่านไป 5 ปี ด้วยความโดดเด่นของเพลง ร็อบบี้นำกลับมาทำใหม่ในอัลบั้ม Escapology ปี 2003 และตัดเป็นซิงเกิ้ลสุดท้ายของอัลบั้ม



5 พฤศจิกายน 2557

5 พฤศจิกายน 1983 - Billy Joel

เพลง Uptown Girl ของ Billy Joel ขึ้นอันดับ 1 ในประเทศอังกฤษ นาน 5 สัปดาห์ เป็นเพลงที่ดังที่สุดในปีนั้นรองจาก Karma Chameleon ของ Culture Club

เรื่องราวในเพลงพูดถึงหนุ่มชนชั้นแรงงานในย่านดาวน์ทาวน์ ที่หมายปองสาวหรูย่านอัพทาวน์ ได้แรงบันดาลใจจากชีวิตจริงของบิลลี่ ที่เพิ่งหย่าขาดจากภรรยา เป็นครั้งแรกที่เขามีสถานะโสดในฐานะร็อคสตาร์ และการได้มารู้จักกับสาวๆ แถวหน้าวงการนางแบบอย่าง Christie BrinkleyWhitney Houston และ Elle Macpherson ทำให้เขาเหมือนกลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง และเป็นที่มาของอัลบั้มฮิต An Innocent Man ซึ่งเป็นการคารวะวงดนตรีต่างๆ ที่มีอิทธิพลกับเขาในวัยเด็ก

เนื้อหาในเพลง Uptown Girl แต่งให้กับ Elle Macpherson ในช่วงที่ยังเป็นแฟนกัน ส่วน Christie Brinkley เป็นผู้แสดงใน mv เพลงนี้ ได้กลายเป็นภรรยาของบิลลี่ในเวลาต่อมา

ปี 2001 วงบอยแบนด์ Westlife นำเพลงนี้มาน้ำใหม่จนขึ้นถึงอันดับ 1 ในประเทศอังกฤษอีกครั้ง และกลายเป็นเพลงที่ขายได้มากที่สุดของวง 




4 พฤศจิกายน 2557

4 พฤศจิกายน 1989 - Roxette


เพลง Listen To Your Heart ของ Roxette ขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกา

ซิงเกิ้ลที่ 4 จากอัลบั้มเปิดตัว Look Sharp! ของคู่ดูโอ้ชาวสวีเดน สามารถขึ้นอันดับ 1 ได้เป็นเพลงที่ 2 ในปีเดียวกัน หลังจากเพลง The Look 

การขึ้นอันดับ 1 ของ Listen to Your Heart ทำให้เพลง Cover Girl ของ New Kids on the Block ถูกขวางจนไปได้สูงสุดเพียงอันดับ 2

Per Gessle ผู้แต่งและหนึ่งในสมาชิกวง ยอมรับว่าเพลงนี้เป็น "The Big Bad Ballad" หรือเพลงร็อคช้าๆ ไร้สาระ ที่ฟังง่ายสุดๆ เป็นความพยายามสวนกระแสเพลงร็อคบนหน้าปัดวิทยุของอเมริกาขณะนั้น ที่ส่วนใหญ่จะแสดงความเก๋า ใส่ความซับซ้อนทางดนตรีมากจนยากจะเข้าถึง 

15 ปีต่อมา วงดนตรีแนวทรานซ์จากเบลเยี่ยม DHT นำเพลงนี้มาทำใหม่เป็นเวอร์ชั่นแดนซ์ ขึ้นถึงอันดับ 8 ในอเมริกา