12 ธันวาคม 2557

12 ธันวาคม 1998 - Deborah Cox


เพลง Nobody's Supposed To Be Here ของ Deborah Cox ขึ้นถึงอันดับ 2 ในอเมริกานาน 8 สัปดาห์ เป็นเพลงที่ติดอยู่อันดับ 2 โดยไม่ถึง 1 นานที่สุดเป็นอันดับ 3 รองจาก Waiting For A Girl Like You ของ Foreigner และ Work It ของ Missy Elliott (10 สัปดาห์) และ I Love You Always Forever ของ Donna Lewis กับ You're Still The One ของ Shania Twain (9 สัปดาห์)

เพลงนี้แต่งโดย Montell Jordan เจ้าของเพลงฮิตอันดับ 1 This Is How We Do It เดิมในอัลบั้มเป็นเวอร์ชั่นช้า แต่มีรีมิกซ์ของ Hex Hector ซึ่งเป็น Remixer ที่เริ่มมีชื่อเสียงบ้าง แต่พอมาทำเพลงนี้ให้กับ Deborah จนโด่งดังโดยเฉพาะเวอร์ชั่น Slow-To-Fast หลังจากนั้นก็เป็นที่ต้องการจนได้ร่วมงานกับ Whitney Houston, Jennifer Lopez, Britney Spears ในเวลาต่อมา



2 ธันวาคม 2557

2 ธันวาคม 2000 - Britney Spears

เพลง Stronger ของ Britney Spears ซิงเกิ้ลที่ 3 จากอัลบั้ม Oops! I did it again เข้าอันดับสัปดาห์แรกที่ 70 ก่อนจะขึ้นไปสูงสุดที่ 11

นักวิจารณ์ยกย่องให้เป็นเพลงแดนซ์ที่ดีที่สุดจากอัลบั้มชุดที่ 2 ของบริทนี่ย์ มิวสิควิดีโอกำกับโดย Joseph Kahn ที่เป็นการโชว์การเต้น มีเก้าอี้เป็นตัวประกอบ ซึ่งเป็นไอเดียจากบริทนี่ย์ที่ได้แรงบันดาลใจจากมิวสิควิดีโอของ Janet Jackson คือ The Pleasure Principle และ Miss You Much

เนื้อในเพลง Stronger เป็นการโชว์พลังหญิงซึ่งเป็นขั้วตรงข้ามกับเพลง ...Baby One More Time ตรงเนื้อร้องที่ว่า "My loneliness is killing me" ซึ่งตรงข้ามกับ Stronger ที่ตอบว่า "My loneliness ain't killin' me no more"



1 ธันวาคม 2557

1 ธันวาคม 1973 - The Carpenters


เพลง Top of The World ของ The Carpenters ขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกา ตามหลังความสำเร็จของเพลง Yesterday Once More ในปีเดียวกัน

1 ใน 3 เพลงอันดับ 1 ของคู่พี่น้องนอกจาก Close To You และ Please Mr.Postman เดิมทีเพลงนี้บรรจุอยู่ในอัลบั้ม A Song For You และไม่มีโครงการจะตัดเป็นซิงเกิ้ล จนนักร้องคันทรี่ Lyn Anderson นำไปทำใหม่จนฮิตถึงอันดับ 2 ในชาร์ตเพลงคันทรี่ Karen จึงขอบันทึกเสียงใหม่และบรรจุในอัลบั้มรวมฮิตแรกของวง

เพลงนี้แต่งโดย Richard Carpenter และ John Bettis จอห์นคือหนึ่งในนักแต่งเพลงระดับตำนานที่มีเพลงดังมากมาย อาทิ Crazy For You(Madonna), Human Nature(Michael Jackson), When You Tell Me That You Love Me(Diana Ross) และร่วมแต่งเพลง One Moment In Time(Whitney Houston) อีกด้วย



29 พฤศจิกายน 2557

29 พฤศจิกายน 1997 - Hanson

เพลง I Will Come To You ของ 3 หนุ่ม Hanson เข้าอันดับสัปดาห์แรกที่ 15 ก่อนจะขึ้นไปสูงสุดอันดับ 9 

เพลงช้าซิงเกิ้ลที่ 3 ของ Hanson เจ้าของเพลงฮิตม้ามืด MMMBop เป็นเพลงช้าติดหูเรียบง่าย แต่มีความน่าสนใจตรงที่ เป็นเพลงที่มีคนแต่งเดียวกันกับเพลงอมตะอย่าง Somewhere Out There, You've Lost That Lovin' Feelin', Sometime When We Touch, Just Once เป็นต้น

ผลงานแต่งเพลงของคู่หู Barry Mann กับ Cynthia Weil ร่วมกับพี่น้อง Hanson ซึ่งตอนที่ทั้งคู่แต่เพลง I Will Come To You ให้กับเด็กน้อยทั้ง 3 นั้นมีอายุ 56 - 57 ปีแล้ว พิสูจน์ให้เห็นว่าคุณลุงคุณป้าก็แต่งเพลงโดนใจวัยรุ่นได้เหมือนกัน



27 พฤศจิกายน 2557

27 พฤศจิกายน 1982 - Laura Branigan

วันนี้ย้อนกลับไปไกลหน่อย เพลง Gloria ของ Laura Branigan ขึ้นอันดับ 2 ในอเมริกา แม้จะไปไม่ถึง 1 แต่นี่คือเพลงจากศิลปินหญิงที่ดังที่สุดของต้นยุค 80's

Gloria เป็นการนำเพลงเก่าภาษาอิตาลีในปี 1979 มาทำใหม่ ในจังหวะดิสโก้ นับตั้งแต่มีการจัดอันดับเพลงเกิดขึ้นในอเมริกา Gloria คือเพลงของศิลปินหญิงที่ติดชาร์ตนานที่สุดถึง 36 สัปดาห์ ทำลายสถิติเดิม 31 สัปดาห์ของเพลง Tammy จาก Debbie Raynold ในปี 1957 และยังสามารถทำยอดขายได้มากกว่า 2 ล้าน ก็อปปี้

ในช่วงเดียวกันนั้น เพลงเชียร์ลีดเดอร์ Micky ของ Toni Basil ก็โด่งดังเช่นกันโดยเฉือนเพลง Gloria ขึ้นอันดับ 1 โดย 2 เพลงนี้มีความเกี่ยวโยงกันคือ มีคนแต่งเพลง, โปรดิวเซอร์ และนักดนตรี คนเดียวกันอยู่ด้วย 



25 พฤศจิกายน 2557

25 พฤศจิกายน 1995 - Whitney Houston

เพลง Exhale (Shoop Shoop) ของ Whitney Houston ขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกาตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เข้าชาร์ต เป็นเพลงที่ 3 ในประวัติศาสตร์ ต่อจากเพลง You Are Not Alone ของ Micheal Jackson และ Fantasy ของ Mariah Carey

เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Waiting To Exhale ผลงานการแสดงเรื่องที่ 2 ต่อจาก The Bodyguard ของวิทนี่ ซึ่งมี Babyface มาทำเพลงประกอบให้ ในตอนแรกวิทนี่ปฏิเสธที่จะร้องเพลงในอัลบั้มเพราะต้องการจะทุ่มเทให้กับภาคการแสดง จนวันหนึ่งเธอได้ยิน Babyface เล่นเพลงบรรเลงหนึ่ง เธอชอบ และทักว่าเพลงนี้ยังไม่สมบูรณ์เพราะขาดเสียงร้อง ซึ่งเบบี้เฟซเห็นด้วย เขาฮัมท่อน Shoop Shoop ทุกคนชอบ และเกิดเป็นเพลงฮิตในเวลาต่อมา

Exhale ขึ้นอันดับหนึ่งในอเมริกาเพียงสัปดาห์เดียว และเป็นอันดับหนึ่งเพลงสุดท้ายในชีวิตของวิทนี่  และสร้างสถิติติดอยู่อันดับ 2 นานที่สุดคือ 11 สัปดาห์ เข้าชิงรางวัลแกรมมี่ 4 สาขา และได้รางวัลเพลง R&B ยอดเยี่ยม



24 พฤศจิกายน 2557

24 พฤศจิกายน 2007 - Colbie Caillat

"เพลงนี้...ไม่ได้แต่งเพื่อใครเป็นพิเศษ ฉันเขียนขึ้นจากความรู้สึกเวลาคุณปิ๊งใครสักคน และเขาทำให้คุณรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อโบยบินอยู่ในท้อง" Colbie Caillat พูดถึงที่มาของเพลง Bubbly เพลงฮิตที่สุดชองเธอที่ขายได้มากกว่า 1 ล้านชุด เพลงเปิดตัวที่ทำให้ทั้งโลกรู้จักชื่อของเธอ Bubbly ขึ้นถึงอันดับ 5 ในอเมริกา วันนี้ เมื่อ 7 ปีที่แล้ว






23 พฤศจิกายน 2557

23 พฤศจิกายน 1996 - Madonna

เพลง You Must Love Me ของ Madonna จากภาพยนตร์เรื่อง Evita ขึ้นอันดับสูงสุดที่ 18 ในอเมริกา

Evita ละครเพลงอัตตชีวประวัติของ Eva Peron สตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศอาร์เจนติน่าในช่วงปี 1946-1952 ออกแสดงครั้งแรกในปี 1978 มีบทเพลงประพันธ์โดย Andrew Lloyd Webber เนื้อเพลงโดย Tim Rice และ ถูกนำกลับมาทำใหม่เป็นเวอร์ชั่นภาพยนตร์ในปี 1996 นำแสดงโดย Madonna 
Andrew และ Tim ไม่ได้แต่งเพลงใหม่ร่วมกันมาเป็นเวลาถึง 11 ปี ได้กลับมาร่วมกันแต่งเพลง You Must Love Me ให้กับ Evita เวอร์ชั่นภาพยนตร์ ขับร้องโดยมาดอนน่า เนื้อหาสื่อความหมาย 2 นัยยะ หนึ่งคือร้องเพื่อ Juan Peron สามีประธานาธิบดี ที่เธอเพิ่งตระหนักว่าเขารักเธอจริงๆ ไม่ใช่แค่ใช้เธอเพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมือง และนัยยะที่ 2 คือร้องให้แก่ประชาชนที่ในหนังมี Che Guevara เป็นตัวแทน

นิตยสาร Billboard ยกย่องว่า You Must Love Me เป็นเพลงที่แสดงให้เห็นว่ามาดอนน่า "ร้องเพลงได้" และทำได้ดี เพลงนี้ยังได้รางวัลเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากทั้งเวที Oscar และลูกโลกทองคำ





19 พฤศจิกายน 2557

19 พฤศจิกายน 1994 - Boyz ll Men

เพลง On Bended Knee ของวงอาร์แอนด์บี Boyz ll Men เข้าอันดับสัปดาห์แรกที่อันดับ 14 ก่อนจะขึ้นสู่อันดับ 1 ใน 2 สัปดาห์ต่อมา โดยเขี่ยเพลงของตัวเอง I'll Make Love To You ตกจากอันดับ 1

ครั้งสุดท้ายที่เกิดเหตุการณ์ศิลปินสามารถพาเพลงขึ้นอันดับ 1 แทนที่เพลงของตัวเองได้ คือเมื่อปี 1964 โดย The Beatles นำเพลง I Want to Hold Your HandShe Loves You และ Can't Buy Me Love ขึ้นอันดับ 1 ซ้อนกันถึง 3 ครั้ง รวมติดอันดับ 1 ยาวนาน 14 สัปดาห์

ฟังเพลง : http://www.youtube.com/watch?v=jSUSFow70no



18 พฤศจิกายน 2557

18 พฤศจิกายน 2000 - Destiny's Child

เพลง Independent Women Part 1 จาก Destiny's Child ขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกานาน 11 สัปดาห์

เป็นซิงเกิ้ลแรกที่ Michelle Williams หนึ่งในสมาชิกวงรุ่นปัจจุบันได้เข้ามาร่วมร้อง ประกอบภาพยนตร์ Chalie's Angel ซึ่งประสบความสำเร็จใน Box Office และเป็นส่วนสำคัญให้เพลงดังถล่มทลาย กลายเป็นเพลงที่ได้รับการบันทึกสถิติ Guinness Book of World Records ว่าเป็นเพลงจากศิลปินกลุ่มหญิงที่ติดอันดับ 1 ยาวนานที่สุด และเป็นเพลงแรกของพวกเธอที่สามารถขึ้นอันดับ 1 ในประเทศอังกฤษ อีกเพลงคือ Survivor

เพลงนี้ได้เข้าชิงรางวัล Grammy สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่พ่ายให้กับเพลง When She Loved Me จากเรื่อง Toy Story 2



14 พฤศจิกายน 2557

14 พฤศจิกายน 1998 - Lauryn Hill

14 พฤศจิกายน 1998

เพลง Doo Wop (That Thing) ของ Lauryn Hill ขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกาตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เข้าชาร์ต เป็นเพลงที่ 10 ในประวัติศาสตร์

Hill เป็นหนึ่งในสมาชิกวงแร็ป The Fugees เพลงนี้เป็นซิงเกิ้ลแรกของเธอในฐานะศิลปินเดี่ยว ทำหน้าที่ทั้งร้อง-แร็ป-แต่งเพลง และโปรดิวซ์เองคนเดียว ก่อนหน้านี้เธอมีเพลงของตัวเองที่ไม่ได้เป็นซิงเกิ้ลมาแล้วคือ The Sweetest Thing และ Can't Take My Eyes Off You

Doo Wop (That Thing) มีเนื้อหาวิพากษ์การใช้ชีวิตแบบวัตถุนิยมของคนอเมริกัน ทั้งผู้หญิงที่เน้นเสริมเติมแต่งจนลืมตัวตนที่สวยงาม หรือผู้ชายที่ชอบเล่นรถ มองหารองเท้าเท่ๆ จนไม่ใส่ใจคนรัก

นอกจากจะขึ้นอันดับ 1 นาน 2 สัปดาห์แล้ว ยังได้รางวัล Grammy คือ เพลง R&B ยอดเยี่ยม และเพลง R&B จากศิลปินหญิงยอดเยี่ยม และเป็นส่วนสำคัญให้เธอคว้ารางวัลแกรมมี่ถึง 5 รางวัล มากที่สุดในปี 1999 รวมทั้งอัลบั้มยอดเยี่ยม The Miseducation of Lauryn Hill และศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม

ฟังเพลง http://www.youtube.com/watch?v=T6QKqFPRZSA


11 พฤศจิกายน 2557

11 พฤศจิกายน 1989 - Lisa Stansfield

เพลง All Around The World ของนักร้องสาวเสียงโซลจากแมนเชสเตอร์ Lisa Stansfield ขึ้นอันดับ 1 ในอังกฤษ ก่อนจะข้ามไปดังถึงในอเมริกาปีต่อมา

ว่ากันว่า หากโลกนี้ไม่มี Mariah Carey ชื่อของ Lisa Stansfield คงเป็นที่จดจำมากกว่านี้ สาวเสียงดีและสวยสุดๆ ทั้ง 2 แจ้งเกิดในเวลาไล่เลี่ยกัน ในปี 1990 ทั้ง Lisa และ Mariah ต่างประสบความสำเร็จบนชาร์ตและเวทีรางวัล เพลง All Around The World ของลิซ่า ขึ้นไปถึงอันดับ 3 ในอเมริกา และอันดับ 1 บนชาร์ต R&B (ทั้งที่เธอเป็นคนผิวขาว) ขายได้มากกว่า 1 ล้านชุด และติด Top 5 ทั่วยุโรป

เธอยังคว้ารางวัลนักร้องหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจากเวที Billboard Music Awards ที่วัดกันที่ยอดขายรวมทั้งปี ขณะที่เวที Grammy Awads ชื่อของ Lisa และ Mariah ถูกเสนอเข้าชิงรางวัลศิลปินหน้าใหม่ทั้งคู่ และรางวัลตกเป็นของมารายห์ในที่สุด 

ปี 1991 อัลบั้มชุดที่ 2 ของเธอ Real Love ไม่ประสบความสำเร็จเท่าอัลบั้มชุดแรก ปี 1997 ท่อนในเพลงนี้ถูกนำไปร้องในเพลง Been Around The World ของ Puff Daddy ขึ้นถึงอันดับ 2 ในอเมริกา








10 พฤศจิกายน 2557

10 พฤศจิกายน 1990 - Mariah Carey

เพลง Love Takes Time ของ Mariah Carey ขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกา เป็นซิงเกิ้ลที่ 2 ของเธอถัดจาก Vision of Love

มารายห์และ Ben Margulies แต่งเพลงนี้ ในขณะที่อัลบั้มแรกของเธอเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยทำเดโมร้องกับเปียโนตัวเดียว และเปิดให้ผู้บริหารฟังบนเครื่องบินระหว่างทัวร์โปรโมทอัลบั้ม ซึ่งทั้งหมดตัดสินใจใช้เพลงนี้เป็นซิงเกิ้ลต่อจากความสำเร็จของ Vision Of Love โดยส่งให้ Walter Afanasieff โปรดิวซ์เพิ่มเข้าไปในอัลบั้มอย่างเร่งด่วน จึงใช้เวลาในการผลิตเพลงนี้ทุกกระบวนการทั้งสิ้นเพียง 3 วัน เป็นเพลงแรกในการทำงานของ Walter ที่รับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์หลักจัดแจงเองเกือบทั้งหมด ซึ่งเขากลายเป็นโปรดิวเซอร์คู่บุญของมารายห์ในเวลาต่อมา

เมื่ออัลบั้มชุดแรกของเธอออกขาย ซีดีและคาสเซ็ตที่ออกดั้งเดิมนั้น ไม่มีชื่อเพลงนี้พิมพ์อยู่บนปกอัลบั้มเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากกระบวนการที่รีบเร่งจนไม่อาจแก้ไขทัน Ben Margulies ให้สัมภาษณ์ว่า "ถึงเพลงนี้จะไม่มีชื่ออยู่บนปก แต่มันมีพลังมากพอที่จะหยุดการผลิตเทปและซีดีอัลบั้มเพื่อบรรจุมันเข้าไป แม้จะต้องโละก็อปปี้เก่าๆ ที่ผลิตไปแล้วทิ้ง" 



9 พฤศจิกายน 2557

9 พฤศจิกายน 2003 - Robbie Williams

เพลงช้าเพราะๆ Sexed Up ของ Robbie Williams เข้าชาร์ตในอังกฤษอันดับที่ 10 เป็นเพลงท็อป 10  เพลงที่ 19 จากทั้งหมด 30 เพลง

เดิมทีเพลงนี้แต่งให้กับ Natalie Imbruglia เจ้าของเพลง Torn แต่ถูกปฏิเสธ ร็อบบี้จึงนำมาร้องและบรรจุอยู่ในซิงเกิ้ล No Regrets จากอัลบั้ม I've Been Expecting You ปี 1998 ผ่านไป 5 ปี ด้วยความโดดเด่นของเพลง ร็อบบี้นำกลับมาทำใหม่ในอัลบั้ม Escapology ปี 2003 และตัดเป็นซิงเกิ้ลสุดท้ายของอัลบั้ม



5 พฤศจิกายน 2557

5 พฤศจิกายน 1983 - Billy Joel

เพลง Uptown Girl ของ Billy Joel ขึ้นอันดับ 1 ในประเทศอังกฤษ นาน 5 สัปดาห์ เป็นเพลงที่ดังที่สุดในปีนั้นรองจาก Karma Chameleon ของ Culture Club

เรื่องราวในเพลงพูดถึงหนุ่มชนชั้นแรงงานในย่านดาวน์ทาวน์ ที่หมายปองสาวหรูย่านอัพทาวน์ ได้แรงบันดาลใจจากชีวิตจริงของบิลลี่ ที่เพิ่งหย่าขาดจากภรรยา เป็นครั้งแรกที่เขามีสถานะโสดในฐานะร็อคสตาร์ และการได้มารู้จักกับสาวๆ แถวหน้าวงการนางแบบอย่าง Christie BrinkleyWhitney Houston และ Elle Macpherson ทำให้เขาเหมือนกลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง และเป็นที่มาของอัลบั้มฮิต An Innocent Man ซึ่งเป็นการคารวะวงดนตรีต่างๆ ที่มีอิทธิพลกับเขาในวัยเด็ก

เนื้อหาในเพลง Uptown Girl แต่งให้กับ Elle Macpherson ในช่วงที่ยังเป็นแฟนกัน ส่วน Christie Brinkley เป็นผู้แสดงใน mv เพลงนี้ ได้กลายเป็นภรรยาของบิลลี่ในเวลาต่อมา

ปี 2001 วงบอยแบนด์ Westlife นำเพลงนี้มาน้ำใหม่จนขึ้นถึงอันดับ 1 ในประเทศอังกฤษอีกครั้ง และกลายเป็นเพลงที่ขายได้มากที่สุดของวง 




4 พฤศจิกายน 2557

4 พฤศจิกายน 1989 - Roxette


เพลง Listen To Your Heart ของ Roxette ขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกา

ซิงเกิ้ลที่ 4 จากอัลบั้มเปิดตัว Look Sharp! ของคู่ดูโอ้ชาวสวีเดน สามารถขึ้นอันดับ 1 ได้เป็นเพลงที่ 2 ในปีเดียวกัน หลังจากเพลง The Look 

การขึ้นอันดับ 1 ของ Listen to Your Heart ทำให้เพลง Cover Girl ของ New Kids on the Block ถูกขวางจนไปได้สูงสุดเพียงอันดับ 2

Per Gessle ผู้แต่งและหนึ่งในสมาชิกวง ยอมรับว่าเพลงนี้เป็น "The Big Bad Ballad" หรือเพลงร็อคช้าๆ ไร้สาระ ที่ฟังง่ายสุดๆ เป็นความพยายามสวนกระแสเพลงร็อคบนหน้าปัดวิทยุของอเมริกาขณะนั้น ที่ส่วนใหญ่จะแสดงความเก๋า ใส่ความซับซ้อนทางดนตรีมากจนยากจะเข้าถึง 

15 ปีต่อมา วงดนตรีแนวทรานซ์จากเบลเยี่ยม DHT นำเพลงนี้มาทำใหม่เป็นเวอร์ชั่นแดนซ์ ขึ้นถึงอันดับ 8 ในอเมริกา



26 ตุลาคม 2557

26 ตุลาคม 1996 - Celine Dion

เพลง It's All Coming Back To Me Now ขึ้นอันดับสูงสุดที่ 2 ในอเมริกา แต่ไม่สามารถไปถึง 1 ได้ ติดเพลง Macarena ของ Los Del Rio

เพลงนี้แต่งโดยโปรดิวเซอร์-นักแต่งเพลง Jim Steinman ผู้แต่ง Total Eclipse of the Heart, I'd Do Anything for Love(But I Won't Do That) ได้แรงบันดาลใจจากบทประพันธ์อมตะ Wuthering Heights ของ Emily Bronte นำความรู้สึกพระเอกที่ทั้งรักทั้งเกลียดนางเอกที่ตายไปแล้ว ถึงขั้นขุดเอาศพของเธอขึ้นมากอดและเต้นรำใต้แสงจันทร์ มาถ่ายทอดเป็นเพลงสื่อถึงด้านมืดของความรัก ความหลงใหล พ่ายแพ้ จนถอนตัวไม่ขึ้น เปรียบกับการพยายามฉุดตัวเองออกจากความตายกลับมาชีวิตใหม่ จิมเปรียบเทียบกับเพลง Wuthering Heights ของ Kate Bush ว่ามีความเพ้อฝันน้อยกว่า

ในตอนแรกเพลงนี้ถูกเสนอให้ Meat Loaf ในปี 1986 ซึ่งเขาฟังครั้งแรกถึงกับร้องไห้ แต่จิมเปลี่ยนใจเพราะคิดว่าเพลงนี้เหมาะกับผู้หญิงมากกว่า และออกสู่สาธารณะครั้งแรกในเวอร์ชั่นของวงหญิงล้วนที่จิมปั้นเอง Pandora's Box ปี 1989 และมาถึง Celine Dion ในปี 1996 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ประสบความสำเร็จที่สุด ขายได้มากกว่า 1 ล้านก็อปปี้ในอเมริกา

10 ปีต่อมา Meat Loaf ก็ได้ร้องเพลงนี้สมใจ เป็นเพลงเปิดตัวอัลบั้ม Bat Out Of Hell lll : Monster is Loose ดูเอ็ทส์กับ Marion Raven ติดอันดับ 6 ในอังกฤษ

ฟังเพลง : http://www.youtube.com/watch?v=Oe9VB8t3m2w




25 ตุลาคม 2557

25 ตุลาคม 1986 - Cyndi Lauper

เพลง True Colors ของ Cyndi Lauper ขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกา 

หากพูดถึงศิลปินหญิง ที่เป็นเจ้าแม่ในยุค 80's ชื่อลำดับแรกๆ ที่ผุดขึ้นมาคือ Madonna, Cyndi Lauper และ Whitney Houston ในบรรดาเพลงอันดับ 1 ของทั้ง 3 มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ มีเพลงที่แต่งโดยคู่หู Tom Kelly กับ Billy Steinberg ได้แก่ Like A Virgin, True Colors และ So Emotional  

ในตอนแรก True Colors ถูกแต่งให้กับ Anne Murray (เจ้าของเพลง You Needed Me) แต่ถูกบอกผ่านมายังซินดี้ เธอโปรดิวซ์เพลงเองโดยปรับจากเวอร์ชั่นเดโม่ที่มีแต่เสียงเปียโน ใส่เสียงเครื่องดนตรีแบบเก่าๆ ลงไป True Colors ได้เข้าชิงรางวัล Grammy สาขาเพลงป็อปหญิงยอดเยี่ยม

เพลงนี้ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเพลงชาวสีม่วง ด้วยเนื้อหาเรื่องการแสดงตัวตน ซินดี้ให้สัมภาษณ์หลายครั้งว่าเพลงนี้ยังคงก้องอยู่ในหัวเมื่อนึกถึงเพื่อนสนิทที่เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ ต่อมาเธอได้ตั้งมูลนิธิ True Colors Foundation เพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนรักร่วมเพศที่ไร้บ้าน



20 ตุลาคม 2557

20 ตุลาคม 1984 - Wham!

Wham! นำเพลง Freedom ขึ้นอันดับ 1 ใน UK ส่วนในอเมริกาเพลงนี้ไปได้สูงสุดอันดับ 3 เป็นเพลงอันดับ 1 ลำดับที่ 2 ของวงใน UK ถัดจากเพลง "Wake Me Up Before You Go-Go" (ส่วนเพลง Careless Whisper อันโด่งดัง ในอังกฤษให้เครดิตว่าเป็นงานเดี่ยวของ George Michael)

ปี 1987 อินโทรเสียงออร์แกนในเพลง Faith ผลงานเดี่ยวของจอร์จนำมาจากเมโลดี้ของเพลงนี้ และในปี 1990 จอร์จมีเพลงชื่อ Freedom เหมือนกัน แต่เป็นคนละเพลง

ฟังเพลง http://www.youtube.com/watch?v=hzQAR6SK-LU #เพลงเก่าเล่าเรื่อง



18 ตุลาคม 2557

18 ตุลาคม 1997 - Gary Barlow

Gary Barlow อดีตนักร้องนำวง Take That บอยแบนด์อันดับ 1 แห่งเกาะอังกฤษ นำเพลงในฐานะศิลปินเดี่ยวเข้าชาร์ตในอเมริกาได้เป็นครั้งแรก

หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงในเกาะอังกฤษกับเพลงอันดับ 1 Forever Love และ Love Won't Wait (แต่งโดย Madonna) ค่ายเพลง Arista จึงจับแกรี่เซ็นสัญญาเพื่อออกอัลบั้มในอเมริกา โดยใช้เพลงเปิดตัวคือ So Help Me Girl เพลงเก่าของ Joe Diffie ซึ่งเป็นแนวคันทรี่ และโปรดิวซ์โดย David Foster ซึ่งเคยนำเพลงคันทรี่มาทำใหม่และประสบความสำเร็จ เช่น I Will Always Love You, I Swear จากสูตรความฮิตนี้ทำให้เพลง So Help Me Girl เวอร์ชั่นแกรี่เข้าอันดับสัปดาห์แรกในวันนี้ที่ 76 ก่อนจะไปสูงสุดที่อันดับ 44 

ซิงเกิ้ลที่ 2 ในอเมริกาของแกรี่ คือเพลง Superhero ซึ่งโปรดิวซ์โดย Max Martin (โปรดิวเซอร์เพลง Shake It Off - Taylor Swift) แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และไม่มีเพลงเข้าชาร์ตอีกเลย ทำให้ So Help Me Girl เป็นเพลงแรกและเพลงเดียวของ Gary Barlow ที่สามารถเข้าชาร์ตในอเมริกา







15 ตุลาคม 2557

15 ตุลาคม 1994 - Aaliyah

เพลง (At Your Best) You Are Love ของ Aaliyah ขึ้นถึงอันดับสูงสุดที่ 6 ในอเมริกา

ซิงเกิ้ลที่ 2 จากอัลบั้มแรก Age Ain't Nothing But A Number ของนักร้องสาววัย 15 ปี Aaliyah เป็นเพลงบัลลาร์ดโชว์เนื้อเสียง โปรดิวซ์โดย R.Kelly นำเพลงเก่าของวง The Isley Brothers ในปี 1976 มาร้องใหม่ ซึ่งเวอร์ชั่นที่ทำให้เพลงได้รับความนิยมเป็นการรีมิกซ์โดยเติมจังหวะ R&B เข้าไป มีเสียงของ R.Kelly ตอนต้นว่า "1-2, check up, baby, lemme know what's up" 

อัลบั้มแรกของ Aaliyah นี้มีความเกี่ยวเนื่องกับอัลบั้ม Bedtime Stories ของ Madonna ที่ออกในปีเดียวกัน ตรงที่ เพลง I'd Rather Be Your Lover ของ Madoona ก็เป็นการนำเพลงที่แต่งโดยวง The Isley Brothers มาใช้ sampling เช่นเดียวกัน รวมถึงเพลง Inside Of Me ของ Madonna ก็แซมปลิ้ง เพลง Back & Forth ของ Aaliyah จากอัลบั้มแรกของเธออีกด้วย

ปี 2010 แร็ปเปอร์ Drake นำเพลง (At Your Best) You Are Love ของ Aaliyah มาแซมปลิ้งในเพลง Unforgettable ของเขา




14 ตุลาคม 2557

14 ตุลาคม 1995 - Goo Goo Dolls

วงอัลเทอร์เนทีฟ-ร็อค Goo Goo Dolls เจ้าของเพลงฮิต Iris และ Slide มีเพลงเข้าชาร์ตเป็นเพลงแรก และเข้าอันดับสัปดาห์แรกที่ 22 คือเพลง Name 

ก่อนหน้าจะตัดซิงเกิ้ลเพลงนี้ Goo Goo Dolls ถือเป็นวงดนตรีแนวโมเดิร์นร็อคที่มีซาวด์เพลงหนักหน่วง จึงได้รับความนิยมเฉพาะกลุ่ม จนมาถึงเพลง Name เพลงรักที่หัวหน้าวง John Rzeznik ยอมรับภายหลังว่าเนื้อเพลง "And I won't tell no one your name" หมายถึงวีเจ Lisa Kennedy เจ้าของรายการ Alternative Nation ของ MTV ซึ่งทั้งคู่คบหากันอย่างลับๆ

เพลง Name ขึ้นถึงอันดับ 5 ในอเมริกา อันดับ 1 ในชาร์ตเพลงร็อคและโมเดิร์นร็อค แต่ความที่เป็นเพลงที่มีความป็อปมากกว่าเดิม แม้จะประสบความสำเร็จในวงกว้างมากขึ้น แต่ก็ทำให้สูญเสียแฟนเพลงคอร็อคหนักๆ ไปบางส่วนเช่นกัน



7 ตุลาคม 2557

7 ตุลาคม 1995 - 3T

เพลง Anything ของ 3T หลานชายทั้งสามของ Michael Jackson เข้าอันดับสัปดาห์แรกในอเมริกาที่ 73 ก่อนจะไปสูงสุดที่อันดับ 15

สามพี่น้อง Taj, Taryll และ TJ Jackson ลูกชายของ Tito Jackson (พี่ชายแท้ๆ ของไมเคิล และหนึ่งในสมาชิกวง The Jackson 5) แต่งเพลงนี้เองด้วยกัน โดยมีอาไมเคิลเป็นผู้โปรดิวซ์ เป็นเพลงเปิดตัวอัลบั้มชุดแรกของทั้งสาม Brotherhood ที่มีเพลงช้า และกลิ่นอายความเศร้า มากกว่าเพลงสนุกสนานเหมือนวงบอยแบนด์ทั่วไป เพราะอุทิศให้กับแม่ที่เสียชีวิตในปี 1994 โดยตัวซิงเกิ้ล Anything ออกวางจำหน่ายในวันครบรอบ 1 ปีวันเสียชีวิตของแม่ คือ 27 สิงหาคม 1995

Anything ประสบความสำเร็จในยุโรปอย่างสูง เข้า Top 10 มากกว่า 10 ประเทศ โดยเฉพาะอังกฤษ ขึ้นไปถึงอันดับ 2 ติดต่อกันนาน 5 สัปดาห์ (ติดอันดับ 1 เพลง Spaceman ของ Babylon Zoo) 





1 ตุลาคม 2557

1 ตุลาคม 1988 - Joan Jett and The Blackhearts

หนึ่งในเพลงฮิตคุ้นหูในอดีต I Hate Myself for Loving You จาก Joan Jett and The Blackhearts ขึ้นอันดับสูงสุดที่ 8 ในอเมริกา

หลังจากแยกวง The Runaways วงร็อคหญิงล้วนที่โด่งดังปลายยุค 70's (ประวัติวงถูกนำมาสร้างหนังแสดงโดย Kristen Stewart) มือกีตาร์และร้องนำ Joan Jett มีเพลงประสบความสำเร็จอย่างสูงจริงๆ อีกเพียง 3 เพลง คือ I Love Rock & Roll (อันดับ 1), Crimson and Clover (อันดับ 9) และเพลงนี้ ซึ่งทิ้งห่างจากการมีเพลงฮิตถึง 6 ปี

ส่วนสำคัญที่ทำให้เพลงประสบความสำเร็จคือ การได้ Mick Taylor อดีตมือกีตาร์ของวง Rolling Stones มาเป็นแขกรับเชิญ และฝีมือการร่วมแต่ง, โปรดิวซ์ โดย Desmond Child ที่กำลังประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการทำเพลงให้วง Kiss, Aerosmith และ Bon Jovi ในช่วงยุค 80's อาทิ Livin' on a Prayer, You Give Love a Bad Name, Bad Medicine

ส่วนในเมืองไทย เพลงนี้เป็นที่รู้จักมากเป็นพิเศษ เพราะถูกนำไปประกอบโฆษณามอเตอร์ไซค์ Suzuki Akira





29 กันยายน 2557

29 กันยายน 1984 - Bananarama

เพลงเกี่ยวกับ Summer ในดวงใจของหลายๆ คน Cruel Summer ของ Bananarama ขึ้นสูงสุดอันดับ 9 ในอเมริกาวันนี้ เมื่อ 30 ปีที่แล้ว

แม้วงจะประสบความสำเร็จในอังกฤษช่วงปี 1982-83 แต่ไม่เปรี้ยงในอเมริกา รวมถึงเพลงนี้ที่ออกมาตั้งแต่ปี 1983 แต่ไม่ได้รับความสนใจ ต้องขอบคุณภาพยนตร์เรื่อง The Karate Kid ในปี 1984 ที่ฮิตแบบม้ามืดถล่มทลาย ซึ่งในหนังมีเพลง Cruel Summer ของพวกเธออยู่ด้วย กลายเป็นเพลงฮิตที่สุดของหนังแต่ไม่ได้บรรจุอยู่ในอัลบั้มซาวด์แทร็ค และเป็นเพลงแรกของพวกเธอที่เข้า Top 10 ในอเมริกา ก่อนจะมีเพลงอันดับ 1 - Venus ในปี 1986

หลายคนชอบเพลงนี้เพราะเนื้อหาที่แหวกแนวต่างกับเพลงเกี่ยวกับซัมเมอร์อื่นๆ ที่มักจะพูดถึงแสงแดด สายลม ทะเล ปาร์ตี้สนุกสนาน แต่กลับเป็นเพลงอกหัก และความร้อนก็ทำให้มันยิ่งเซ็ง ฉะนั้นจงลุกขึ้นแล้วออกไปสนุกกัน

Cruel Summer ถูกนำมาใช้ในหนัง และทำใหม่หลายครั้ง เวอร์ชั่นที่ดังที่สุดคือ Ace Of Base ในปี 1998 ขึ้นถึงอันดับ 10 ในอเมริกา

ฟังเพลง : https://www.youtube.com/watch?v=9ePIZugahFc


27 กันยายน 2557

27 กันยายน 1994 - Brandy

ครบรอบ 20 ปี หนึ่งในอัลบั้ม R&B ที่ประสบความสำเร็จ เป็นต้นแบบ และสร้างอิทธิพลแห่งยุค 90's อัลบั้มแรกของนักร้องสาวเสียงเอกลักษณ์ ในชื่อชุดเดี่ยวกับชื่อเธอ Brandy

เสียงของ Brandy Norwood ถูกนำเสนอแก่ผู้บริการค่ายเพลง Atlantic ตั้งแต่อายุ 11 ขวบ เขาบอกให้เธอกลับมาใหม่เมื่ออายุ 14 ปี แล้วเธอก็ได้ทำเพลงชุดนี้จริงๆ โดยส่วนใหญ่ร่วมกับโปรดิวเซอร์ Keith Crouch ซึ่งมีอายุเพียง 20 กว่าเท่านั้น แบรนดี้เล่าถึงความรู้สึกในตอนนั้นว่า "Keith ไม่พยายามจะทำเพลงตามแนวที่เปิดกันเกลื่อนบนวิทยุ เขามีซาวด์เฉพาะตัว สิ่งที่ฉันรักคือเขามอบเพลงที่เป็นเพลงจริงๆ ไม่ใช่ดนตรีติดหูวัยรุ่นที่จะผ่านมาแล้วผ่านไป ทีมงานเรามีความสด มีพลังของวัยรุ่นที่จะสร้างสรรค์เพลงจริงๆ" หนึ่งในทีมที่แต่งเพลงอัลบั้มนี้ คือ Robin Thicke ในอายุ 16 ปี ร่วมแต่งเพลง Love Is On My Side ด้วย (เพลงโปรด admin)

เพลงที่แต่งและโปรดิวซ์โดย Keith ถูกตัดเป็นซิงเกิ้ล และประสบความเร็จอย่างสูง I Wanna Be Down, Baby และ Brokenhearted ล้วนเข้า Top 10 ในอเมริกา Baby ยังได้เข้าชิงรางวัล Grammy สาขาเพลง R&B จากนักร้องหญิง รวมถึงตัว Brandy เองก็ได้เข้าชิงศิลปินหน้าใหม่ ในปีที่มีคู่แข่งอย่าง Alanis Morissette, Shania Twain ซึ่งทั้งหมดพ่ายให้กับวง Hootie & The Blowfish

นักวิจารณ์เปรียบเทียบอัลบั้มนี้กับ Aaliyah ซึ่งออกมาก่อนหน้าเพียง 4 เดือน (ทั้งคู่อายุ 15 ปีเท่ากัน) ว่า " Aaliyah ชัดเจน ตรงไปตรงมา และมีพลัง ส่วน Brandy นุ่มนวล ค่อยเป็นค่อยไป และคลาสสิก" อัลบั้มเพลงเนิ่บๆ ของแบรนดี้ค่อยๆ ได้รับความนิยมเหมือนตัวเพลง แม้สัปดาห์แรกจะเข้าชาร์ตที่อันดับ 94 และไต่ไปสูงสุดที่อันดับ 20 แต่อัลบั้มนี้ติดชาร์ตนานข้ามปี 89 สัปดาห์ และขายได้มากกว่า 6 ล้านชุดทั่วโลก

Erikah Badu ยกย่องว่า อัลบั้มแรกของ Brandy เป็นแรงบันดาลใจให้เธอสร้างสรรค์อัลบั้มรางวัลแกรมมี่ Baduizm ซึ่งสร้างชื่อให้เธอเป็นแถวหน้าของนักร้องแนว Neo-Soul 

ใครมีอัลบั้มชุดนี้บ้าง และชอบเพลงไหนกันบ้าง เล่าให้ฟังบ้างนะ

ฟังเพลง I Wanna Be Down  http://www.youtube.com/watch?v=PzpLkcfBe-A






23 กันยายน 2557

23 กันยายน 1989 - Cher

23 กันยายน 1989

เพลง If I Could Turn Back Time ของ Cher ขึ้นถึงอันดับ 3 ในอเมริกา เป็นเพลงที่ประสบความสำเร็จที่สุดของเธอในยุค 80's

แต่งโดยนักแต่งเพลงชื่อดัง Diane Warren ซึ่งกำลังประสบความสำเร็จกับแนวเพลงป็อป-ร็อค อย่าง Nothing's Gonna Stop Us Now (Starship), Look Away (Chicago) อันดับ 1 ทั้งคู่ นักวิจารณ์บอกว่าเพลงนี้ของ Cher มีส่วนคล้ายเพลงดังเหล่านั้นไม่น้อย 

มิวสิควิดีโอถ่ายทำบนเรือรบ US Navy พร้อมกับเหล่าทหารเรือ ซึ่ง Cher ใส่ชุดว่ายน้ำแหวกอกลงไปจนถึงใต้สะดือ และปิดบังส่วนอื่นด้วยตาข่ายบางๆ ซึ่งทำให้เกิดการแบน mv เพลงนี้ทางโทรทัศน์หลายช่อง รวมถึง MTV ที่ให้ฉายหลังสามทุ่ม ส่วนทางกองทับเรือไม่อนุญาตให้มีการถ่ายทำมิวสิควิดีโอใดๆ บนเรือรบอีกต่อไปนับจากนั้น

ปี 2000 ซิตคอมชื่อดัง Will & Grace แจ็ค (ตัวละครเกย์ที่คลั่งไคล้ Cher) พบกับ Cher ตัวจริงแต่คิดว่าเธอเป็น Drag Queen แต่งเลียนแบบ Cher จึงร้องเพลงนี้เพื่อยืนยันว่าเธอคือตัวจริง




20 กันยายน 2557

20 กันยายน 1986 - Miami Sound Machine

20 กันยายน 1986

เพลง Words Get In The Way ของ Miami Sound Machine ที่มีนักร้องนำคือ Gloria Estefan เข้าสู่ Top 5 อันดับ 5 ซึ่งเป็นเพลงแรกของวงดนตรีป็อป-ละตินที่โด่งดังที่สุดวงหนึ่งในประวัติศาสตร์

แม้จะแจ้งเกิดจากเพลงจังหวะสนุกๆ อย่าง Conga, Dr. Beat หรือ Bad Boy แต่เพลงที่สามารถเข้าสู่ท็อป 5 ได้เป็นเพลงแรกกลับเป็นเพลงช้าๆ หวานซึ้ง จากอัลบั้มภาษาอังกฤษชุดที่ 2 Primitive Love และยังขึ้นอันดับ 1  ในชาร์ตเพลงผู้ใหญ่ Hot Adult Contemporary อีกด้วย

เพลงช้าของ Gloria Estefan และ Miami Sound Machine มีเส่นห์พิเศษที่กลายเป็นอีกจุดขายหนึ่งของวง หลังจาก Words Get In The Way ยังมีเพลงช้าประสบความสำเร็จตามมามากมาย ทั้ง Anything For You, Don't Wanna Lose You และ Coming Out Of The Dark ล้วนประสบความสำเร็จขึ้นถึงอันดับ 1 ในอเมริกา

ฟังเพลง : http://www.youtube.com/watch?v=6h1seml_0U8








19 กันยายน 2557

19 กันยายน 1990 - Kylie Minogue

19 กันยายน 1990

เพลง Better The Devil You Know ของ Kylie Minogue เข้าอันดับ UK Chart เป็นเพลงที่ทำให้ทีมโปรดิวเซอร์ชื่อดัง Stock Aitken Waterman มีเพลงเข้าชาร์ตครบ 100 เพลง

Stock Aitken Waterman เป็นทีมผู้ผลักดัน Kylie ในวงการเพลงมาตั้งแต่เพลงเปิดตัว คือ I Should Be So Lucky และทำเพลงฮิตมากมายให้ศิลปินต่างๆ อาทิเพลงอันดับ 1 You Spin Me Round Like A Record(Dead Or Alive), Never Gonna Give You Up(Rick Asley)  จนมาถึงเพลงที่ 100 คือเพลงนี้ ซึ่งแต่งในช่วงที่ Kylie ยุติความสัมพันธ์กับ Jason Donovan ผู้ร่วมแสดงในละครน้ำเน่า Neighbours และเริ่มคบหากับ Michael Hutchence นักร้องนำวง Inxs (เรื่องน้ำเน่าพอๆกับละครตรงที่ Jason เป็นคนพาเธอไปดูคอนเสิร์ต Inxs และทั้งคู่จึงได้พบกัน) 

Waterman หนึ่งในทีมโปรดิวเซอร์ที่สนิทกับ Kylie ได้คอมเมนต์ความสัมพันธ์ครั้งใหม่ของเธอซึ่งเป็นที่มาของเพลงนี้ว่า "คบกับปีศาจที่คุณรู้จักดี เสี่ยงน้อยกว่า หากกลัวว่าสุดท้ายชีวิตรักจะต้องทนทุกข์" (เปรียบเปรยสำนวน better the devil you know)

Better The Devil You Know ขึ้นไปสูงสุดที่อันดับ 2 และเป็นหนึ่งในเพลงที่แฟนๆ และนักวิจารณ์ปลาบปลื้มมากที่สุดของเธอ




18 กันยายน 2557

18 กันยายน 1993 - Tag Team

18 กันยายน 1993

ทุกๆสิ้นปี นิตยสาร Billboard จะจัดอันดับ Year-End Chart หรือเพลงที่ดังที่สุดแห่งปีในอเมริกา ซึ่งในปี 1993 คงหนีไม่พ้นเพลงที่ทุกคนรู้จักดี คือ I Will Always Love You ของ Whitney Houston แต่ถ้าบอกว่าเพลงอันดับ 2 คือเพลงชื่อ Whoomp! (There It Is) ของวง Tag Team อาจมีคนแอบงงเล็กน้อย 

Whoomp! ขึ้นไปสูงสุดได้ที่อันดับ 2 (ในวันนี้) ติดเพลง Dreamlover ของ Mariah Carey แต่สามารถอยู่ในชาร์ตได้นานถึง 45 สัปดาห์ ทำยอดขายได้สูงถึง 4 ล้านชุด (เป็นรองเพียง I Will AlWays Love You) ด้วยท่อนฮุคเร้าใจเหมาะกับการใช้เชียร์กีฬา จึงถูกนำไปใช้ในอีเวนท์กีฬาต่างๆ รวมถึงถูกนำมาทำใหม่หลายครั้งทั้งประกอบหนัง Addams Family Values, Donald Duck's Party ของดิสนีย์ หรือเพลงฉลองแชมป์ NBA Championship

Whoomp! ติดอันดับ 97 ของ  VH1's 100 Greatest One-Hit Wonders อีกด้วย

ฟังเพลง http://www.youtube.com/watch?v=Z-FPimCmbX8




13 กันยายน 2557

13 กันยายน 1997 - Backstreet Boys

เพลง Quit Playing Games (With My Heart) จาก Backstreet Boys ขึ้นไปสูงสุดที่อันดับ 2 ในอเมริกา ไม่สามารถถึง 1 ได้เพราะติดเพลง Mo Money Mo Problems ของ The Notorious B.I.G. และ Honey จาก Mariah Carey

หลังจากวงประสบความสำเร็จในอังกฤษ ผู้บริหารค่าย Jive เลือก You Want It (To Be Good Girl) เป็นเพลงเปิดตัวในอเมริกา แต่ถูกวงคัดค้าน จึงตัดสินใจเลือกเพลงนี้แทน โดยมี Anywhere for You กับ All I Have to Give เป็นตัวเลือกเช่นกัน ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกเพราะเพลงนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง มียอดขายมากกว่า 2 ล้ายชุดในอเมริกา

เวอร์ชั่นที่โด่งดังในอเมริกา เป็นการบันทึกเสียงใหม่ในเดือนกันยายน ปี 1996 โดยโปรดิวเซอร์ Max Martin เลือกให้ Nick Carter ร้องโซโล่ในช่วงที่ 2 ของเพลง รวมถึงทำมิวสิควิดีโอใหม่ ซึ่งมีฉากเปียกฝน จนกลายเป็นกระแส mv ถอดเสื้อเปียกฝนสำหรับวงบอยแบนด์ทั่วโลกในยุคนั้น


2 กันยายน 2557

2 กันยายน 1995 : Michael Jackson

19 ปีที่แล้ว Michael Jackson พาเพลง You Are Not Alone ขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกา เป็น Hot Shot Debut ที่ขึ้นสู่อันดับท็อปชาร์ตได้เลยทันทีตั้งแต่สัปดาห์แรก เป็นเพลงแรกในรอบ 37 ปีของชาร์ต Billboard 

เพลงอันดับ 1 เพลงที่ 13 ของไมเคิล (และเป็นเพลงสุดท้าย) แต่งโดยนักร้อง-นักแต่งเพลงชื่อดัง R.Kelly จากอัลบั้มรวมฮิต HIStory ซึ่งการขึ้นอันดับ 1 ตั้งแต่เปิดตัวเป็นการทำลายสถิติตัวเองที่เพิ่งทำไปจากเพลง Scream ที่ร้องกับน้องสาว Janet และเข้าอันดับสัปดาห์แรกที่อันดับ 5

MV เพลงนี้ ไมเคิลได้แสดงร่วมกับภรรยาในขณะนั้น คือ Lisa Marie Presley ลูกสาวของ Elvis Presley อีกด้วย 


3 สิงหาคม 2557

3 สิงหาคม 1963 - The Tymes

3 สิงหาคม 1963

เพลงรักหวานซึ้ง So Much in Love จากวงดนตรีโซลสมาชิก 5 คน The Tymes ขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกา

So Much in Love เป็นหนึ่งในเพลงอมตะที่โด่งดังติดหูมาได้ทุกยุคทุกสมัย เคยถูก cover มาแล้วจากศิลปินดังอย่าง Timothy B. Schmit จากวง The Eagles ในปี 1982 หรือ Art Garfunkel .ในปี 1988 และที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงคือเวอร์ชั่นของ All-4-One ในปี 1994 ขึ้นไปสูงสุดอันดับ 5 เป็นซิงเกิ้ลแรกของวงก่อนจะดังเป็นพลุแตกจากซิงเกิ้ลถัดมาคือ I Swear

ฟังเพลง http://www.youtube.com/watch?v=zsGy-ndBhUc


30 กรกฎาคม 2557

30 กรกฎาคม 1994 - Changing Faces

30 กรกฎาคม 1994

ในยุคที่เพลง R&B ได้รับความนิยมอย่างสูง ขณะที่อันดับ 1 ในชาร์ตยังคงเป็นเพลง I Swear จาก All-4-One ในวันนี้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว คู่ดูโอ้สาวหน้าใหม่ในวงการ อย่าง
Changing Faces พาเพลง Stroke You Up เข้าอันดับสัปดาห์แรกเป็น Hot Shot Debut ที่อันดับ 47 ก่อนจะขึ้นไปสูงสุดถึงอันดับ 3 ในอเมริกา

พวกเธอเป็นใครมาจากไหน ทำไมถึงดังเป็นพลุแตก ส่วนสำคัญคือผู้แต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ R. Kelly ที่กำลังมาแรง เปรียบเหมือน Pharrell Williams ในยุคนี้ เพลงของตัวเองก็ดัง ทำเพลงให้คนอื่นก็ดัง อย่าง Aaliyah ที่แจ้งเกิดในปีนั้น รวมถึงได้ไป Remix เพลงให้กับ Janet Jackson คือ Any time, Any place จนขึ้นถึงอันดับ 2 ในปีเดียวกัน


ฟังเพลง http://www.youtube.com/watch?v=IYd_bs_qYc4

26 กรกฎาคม 2557

24 กรกฎาคม 1993 - Madonna

24 กรกฎาคม 1993 

21 ปีที่แล้ว เพลง Rain จากอัลบั้ม Erotica ของ Madonna เข้าชาร์ตในอเมริกาสัปดาห์แรกเป็น Hot Shot Debut ที่อันดับ 52 ก่อนจะไต่ไปสูงสุดที่อันดับ 14 และเป็นเพลงที่ 30 ของเธอที่สามารถเข้าชาร์ต Top 40 ติดต่อกัน

มิวสิควิดีโอเพลง Rain ซึ่งคว้า 2 รางวัลในงาน MTV Video Music Awards (กำกับและตัดต่อ) เป็นการถ่ายทำ mv ซ้อน mv โดยผู้กำกับในเรื่องนำแสดงโดย Ryuichi Sakamoto ศิลปินชื่อดังชาวญี่ปุ่น ซึ่งเคยคว้ารางวัลออสการ์และแกรมมี่มาแล้วจากเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง The Last Emperor หนึ่งในเพลงสกอร์ซึ่งเป็นที่จดจำจากหนังเรื่องนั้น คือเพลงชื่อ Rain เช่นเดียวกัน

ฟังเพลง Rain ของ Madonna http://www.youtube.com/watch?v=t452MyUT_ts #Madonna



24 กรกฎาคม 2557

24 กรกฎาคม 2000 - Ronan Keating

24 กรกฎาคม 2000

เพลง "Life Is a Rollercoaster" ของ Ronan Keating ขึ้นอันดับ 1 ในประเทศอังกฤษ เพลงนี้เป็นซิงเกิ้ลที่ 2 ในฐานะศิลปินเดี่ยวของอดีตนักร้องนำวง Boyzone เพลงแรกคือ When You Say Nothing at All ประกอบภาพยนตร์เรื่อง Notting Hill ซึ่งขึ้นถึงอันดับ 1 เช่นเดียวกัน

"Life Is a Rollercoaster" แต่งโดย Gregg Alexander และ Rick Nowels สองคนนี้คือผู้แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Begin Again โดยเฉพาะ Gregg Alexander แต่งเพลงให้กับหนังเรื่องนี้ถึง 11 เพลง รวมถึงเพลงนำ Lost Stars

ฟังเพลง www.youtube.com/watch?v=giABAfeEc0U



1 กรกฎาคม 2557

1 กรกฎาคม 2000 - Christina Aguilera

1 กรกฎาคม 2000 - เพลง I Turn To You ของ Christina Aguilera ขึ้นอันดับสูงสุดที่ 3 ในอเมริกา ประพันธ์โดยนักแต่งเพลงรักบัลลาดสุดฮิต Diane Warren ที่เคยแต่งเพลงฮิตมากมายอย่าง Because You Loved Me, How Do I Live, Un-Break My Heart, I Don't Want To Miss A Thing ซึ่งเธอแต่งเพลง I Turn To You ไว้ตั้งแต่ปี 1996 และเคยถูกนำมาร้องก่อนแล้วโดยวง All-4-One (เจ้าของเพลง I Swear) เพื่อประกอบภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง Space Jam ในปี 1996 เช่นกัน

ฟังเพลง : http://www.youtube.com/watch?v=z4q05resEvc&feature=kp