เพลง It's All Coming Back To Me Now ขึ้นอันดับสูงสุดที่ 2 ในอเมริกา แต่ไม่สามารถไปถึง 1 ได้ ติดเพลง Macarena ของ Los Del Rio
เพลงนี้แต่งโดยโปรดิวเซอร์-นักแต่งเพลง Jim Steinman ผู้แต่ง Total Eclipse of the Heart, I'd Do Anything for Love(But I Won't Do That) ได้แรงบันดาลใจจากบทประพันธ์อมตะ Wuthering Heights ของ Emily Bronte นำความรู้สึกพระเอกที่ทั้งรักทั้งเกลียดนางเอกที่ตายไปแล้ว ถึงขั้นขุดเอาศพของเธอขึ้นมากอดและเต้นรำใต้แสงจันทร์ มาถ่ายทอดเป็นเพลงสื่อถึงด้านมืดของความรัก ความหลงใหล พ่ายแพ้ จนถอนตัวไม่ขึ้น เปรียบกับการพยายามฉุดตัวเองออกจากความตายกลับมาชีวิตใหม่ จิมเปรียบเทียบกับเพลง Wuthering Heights ของ Kate Bush ว่ามีความเพ้อฝันน้อยกว่า
ในตอนแรกเพลงนี้ถูกเสนอให้ Meat Loaf ในปี 1986 ซึ่งเขาฟังครั้งแรกถึงกับร้องไห้ แต่จิมเปลี่ยนใจเพราะคิดว่าเพลงนี้เหมาะกับผู้หญิงมากกว่า และออกสู่สาธารณะครั้งแรกในเวอร์ชั่นของวงหญิงล้วนที่จิมปั้นเอง Pandora's Box ปี 1989 และมาถึง Celine Dion ในปี 1996 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ประสบความสำเร็จที่สุด ขายได้มากกว่า 1 ล้านก็อปปี้ในอเมริกา
10 ปีต่อมา Meat Loaf ก็ได้ร้องเพลงนี้สมใจ เป็นเพลงเปิดตัวอัลบั้ม Bat Out Of Hell lll : Monster is Loose ดูเอ็ทส์กับ Marion Raven ติดอันดับ 6 ในอังกฤษ
ฟังเพลง : http://www.youtube.com/watch?v=Oe9VB8t3m2w
26 ตุลาคม 2557
25 ตุลาคม 2557
25 ตุลาคม 1986 - Cyndi Lauper
เพลง True Colors ของ Cyndi Lauper ขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกา
หากพูดถึงศิลปินหญิง ที่เป็นเจ้าแม่ในยุค 80's ชื่อลำดับแรกๆ ที่ผุดขึ้นมาคือ Madonna, Cyndi Lauper และ Whitney Houston ในบรรดาเพลงอันดับ 1 ของทั้ง 3 มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ มีเพลงที่แต่งโดยคู่หู Tom Kelly กับ Billy Steinberg ได้แก่ Like A Virgin, True Colors และ So Emotional
ในตอนแรก True Colors ถูกแต่งให้กับ Anne Murray (เจ้าของเพลง You Needed Me) แต่ถูกบอกผ่านมายังซินดี้ เธอโปรดิวซ์เพลงเองโดยปรับจากเวอร์ชั่นเดโม่ที่มีแต่เสียงเปียโน ใส่เสียงเครื่องดนตรีแบบเก่าๆ ลงไป True Colors ได้เข้าชิงรางวัล Grammy สาขาเพลงป็อปหญิงยอดเยี่ยม
เพลงนี้ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเพลงชาวสีม่วง ด้วยเนื้อหาเรื่องการแสดงตัวตน ซินดี้ให้สัมภาษณ์หลายครั้งว่าเพลงนี้ยังคงก้องอยู่ในหัวเมื่อนึกถึงเพื่อนสนิทที่เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ ต่อมาเธอได้ตั้งมูลนิธิ True Colors Foundation เพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนรักร่วมเพศที่ไร้บ้าน
20 ตุลาคม 2557
20 ตุลาคม 1984 - Wham!
Wham! นำเพลง Freedom ขึ้นอันดับ 1 ใน UK ส่วนในอเมริกาเพลงนี้ไปได้สูงสุดอันดับ 3 เป็นเพลงอันดับ 1 ลำดับที่ 2 ของวงใน UK ถัดจากเพลง "Wake Me Up Before You Go-Go" (ส่วนเพลง Careless Whisper อันโด่งดัง ในอังกฤษให้เครดิตว่าเป็นงานเดี่ยวของ George Michael)
ปี 1987 อินโทรเสียงออร์แกนในเพลง Faith ผลงานเดี่ยวของจอร์จนำมาจากเมโลดี้ของเพลงนี้ และในปี 1990 จอร์จมีเพลงชื่อ Freedom เหมือนกัน แต่เป็นคนละเพลง
ฟังเพลง http://www.youtube.com/watch?v=hzQAR6SK-LU #เพลงเก่าเล่าเรื่อง
ปี 1987 อินโทรเสียงออร์แกนในเพลง Faith ผลงานเดี่ยวของจอร์จนำมาจากเมโลดี้ของเพลงนี้ และในปี 1990 จอร์จมีเพลงชื่อ Freedom เหมือนกัน แต่เป็นคนละเพลง
ฟังเพลง http://www.youtube.com/watch?v=hzQAR6SK-LU #เพลงเก่าเล่าเรื่อง
18 ตุลาคม 2557
18 ตุลาคม 1997 - Gary Barlow
Gary Barlow อดีตนักร้องนำวง Take That บอยแบนด์อันดับ 1 แห่งเกาะอังกฤษ นำเพลงในฐานะศิลปินเดี่ยวเข้าชาร์ตในอเมริกาได้เป็นครั้งแรก
หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงในเกาะอังกฤษกับเพลงอันดับ 1 Forever Love และ Love Won't Wait (แต่งโดย Madonna) ค่ายเพลง Arista จึงจับแกรี่เซ็นสัญญาเพื่อออกอัลบั้มในอเมริกา โดยใช้เพลงเปิดตัวคือ So Help Me Girl เพลงเก่าของ Joe Diffie ซึ่งเป็นแนวคันทรี่ และโปรดิวซ์โดย David Foster ซึ่งเคยนำเพลงคันทรี่มาทำใหม่และประสบความสำเร็จ เช่น I Will Always Love You, I Swear จากสูตรความฮิตนี้ทำให้เพลง So Help Me Girl เวอร์ชั่นแกรี่เข้าอันดับสัปดาห์แรกในวันนี้ที่ 76 ก่อนจะไปสูงสุดที่อันดับ 44
ซิงเกิ้ลที่ 2 ในอเมริกาของแกรี่ คือเพลง Superhero ซึ่งโปรดิวซ์โดย Max Martin (โปรดิวเซอร์เพลง Shake It Off - Taylor Swift) แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และไม่มีเพลงเข้าชาร์ตอีกเลย ทำให้ So Help Me Girl เป็นเพลงแรกและเพลงเดียวของ Gary Barlow ที่สามารถเข้าชาร์ตในอเมริกา
15 ตุลาคม 2557
15 ตุลาคม 1994 - Aaliyah
เพลง (At Your Best) You Are Love ของ Aaliyah ขึ้นถึงอันดับสูงสุดที่ 6 ในอเมริกา
ซิงเกิ้ลที่ 2 จากอัลบั้มแรก Age Ain't Nothing But A Number ของนักร้องสาววัย 15 ปี Aaliyah เป็นเพลงบัลลาร์ดโชว์เนื้อเสียง โปรดิวซ์โดย R.Kelly นำเพลงเก่าของวง The Isley Brothers ในปี 1976 มาร้องใหม่ ซึ่งเวอร์ชั่นที่ทำให้เพลงได้รับความนิยมเป็นการรีมิกซ์โดยเติมจังหวะ R&B เข้าไป มีเสียงของ R.Kelly ตอนต้นว่า "1-2, check up, baby, lemme know what's up"
อัลบั้มแรกของ Aaliyah นี้มีความเกี่ยวเนื่องกับอัลบั้ม Bedtime Stories ของ Madonna ที่ออกในปีเดียวกัน ตรงที่ เพลง I'd Rather Be Your Lover ของ Madoona ก็เป็นการนำเพลงที่แต่งโดยวง The Isley Brothers มาใช้ sampling เช่นเดียวกัน รวมถึงเพลง Inside Of Me ของ Madonna ก็แซมปลิ้ง เพลง Back & Forth ของ Aaliyah จากอัลบั้มแรกของเธออีกด้วย
ปี 2010 แร็ปเปอร์ Drake นำเพลง (At Your Best) You Are Love ของ Aaliyah มาแซมปลิ้งในเพลง Unforgettable ของเขา
14 ตุลาคม 2557
14 ตุลาคม 1995 - Goo Goo Dolls
วงอัลเทอร์เนทีฟ-ร็อค Goo Goo Dolls เจ้าของเพลงฮิต Iris และ Slide มีเพลงเข้าชาร์ตเป็นเพลงแรก และเข้าอันดับสัปดาห์แรกที่ 22 คือเพลง Name
ก่อนหน้าจะตัดซิงเกิ้ลเพลงนี้ Goo Goo Dolls ถือเป็นวงดนตรีแนวโมเดิร์นร็อคที่มีซาวด์เพลงหนักหน่วง จึงได้รับความนิยมเฉพาะกลุ่ม จนมาถึงเพลง Name เพลงรักที่หัวหน้าวง John Rzeznik ยอมรับภายหลังว่าเนื้อเพลง "And I won't tell no one your name" หมายถึงวีเจ Lisa Kennedy เจ้าของรายการ Alternative Nation ของ MTV ซึ่งทั้งคู่คบหากันอย่างลับๆ
เพลง Name ขึ้นถึงอันดับ 5 ในอเมริกา อันดับ 1 ในชาร์ตเพลงร็อคและโมเดิร์นร็อค แต่ความที่เป็นเพลงที่มีความป็อปมากกว่าเดิม แม้จะประสบความสำเร็จในวงกว้างมากขึ้น แต่ก็ทำให้สูญเสียแฟนเพลงคอร็อคหนักๆ ไปบางส่วนเช่นกัน
7 ตุลาคม 2557
7 ตุลาคม 1995 - 3T
เพลง Anything ของ 3T หลานชายทั้งสามของ Michael Jackson เข้าอันดับสัปดาห์แรกในอเมริกาที่ 73 ก่อนจะไปสูงสุดที่อันดับ 15
สามพี่น้อง Taj, Taryll และ TJ Jackson ลูกชายของ Tito Jackson (พี่ชายแท้ๆ ของไมเคิล และหนึ่งในสมาชิกวง The Jackson 5) แต่งเพลงนี้เองด้วยกัน โดยมีอาไมเคิลเป็นผู้โปรดิวซ์ เป็นเพลงเปิดตัวอัลบั้มชุดแรกของทั้งสาม Brotherhood ที่มีเพลงช้า และกลิ่นอายความเศร้า มากกว่าเพลงสนุกสนานเหมือนวงบอยแบนด์ทั่วไป เพราะอุทิศให้กับแม่ที่เสียชีวิตในปี 1994 โดยตัวซิงเกิ้ล Anything ออกวางจำหน่ายในวันครบรอบ 1 ปีวันเสียชีวิตของแม่ คือ 27 สิงหาคม 1995
Anything ประสบความสำเร็จในยุโรปอย่างสูง เข้า Top 10 มากกว่า 10 ประเทศ โดยเฉพาะอังกฤษ ขึ้นไปถึงอันดับ 2 ติดต่อกันนาน 5 สัปดาห์ (ติดอันดับ 1 เพลง Spaceman ของ Babylon Zoo)
ป้ายกำกับ:
3t,
แจ็คสัน,
เพลงเก่าเล่าเรื่อง,
เพลงสากล,
เพลงฮิต,
ไมเคิล แจ็คสัน,
ยุค90,
kim,
Michael,
miley,
rap,
r&b,
technorati
1 ตุลาคม 2557
1 ตุลาคม 1988 - Joan Jett and The Blackhearts
หนึ่งในเพลงฮิตคุ้นหูในอดีต I Hate Myself for Loving You จาก Joan Jett and The Blackhearts ขึ้นอันดับสูงสุดที่ 8 ในอเมริกา
หลังจากแยกวง The Runaways วงร็อคหญิงล้วนที่โด่งดังปลายยุค 70's (ประวัติวงถูกนำมาสร้างหนังแสดงโดย Kristen Stewart) มือกีตาร์และร้องนำ Joan Jett มีเพลงประสบความสำเร็จอย่างสูงจริงๆ อีกเพียง 3 เพลง คือ I Love Rock & Roll (อันดับ 1), Crimson and Clover (อันดับ 9) และเพลงนี้ ซึ่งทิ้งห่างจากการมีเพลงฮิตถึง 6 ปี
ส่วนสำคัญที่ทำให้เพลงประสบความสำเร็จคือ การได้ Mick Taylor อดีตมือกีตาร์ของวง Rolling Stones มาเป็นแขกรับเชิญ และฝีมือการร่วมแต่ง, โปรดิวซ์ โดย Desmond Child ที่กำลังประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการทำเพลงให้วง Kiss, Aerosmith และ Bon Jovi ในช่วงยุค 80's อาทิ Livin' on a Prayer, You Give Love a Bad Name, Bad Medicine
ส่วนในเมืองไทย เพลงนี้เป็นที่รู้จักมากเป็นพิเศษ เพราะถูกนำไปประกอบโฆษณามอเตอร์ไซค์ Suzuki Akira
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)